พระราชปณิธานแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
เพื่อความสุขของประชาชน

     พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 แม้ทรงราชย์ในขณะยังทรงพระเยาว์ และยังประทับอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่กระนั้นก็ทรงตระหนักในพระราชหฤทัยถึงหน้าที่ที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทย ซึ่งยามนั้นแม้ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังคงสถิตธำรงอยู่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชนในชาติมิเปลี่ยนแปร ท่ามกลางภาวะระส่ำระสายทางการเมือง ประกอบกับภาวะสงคราม ทำให้คนไทยเฝ้าคอยหวังจะได้อาศัยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมเป็นที่พึ่ง

     พระบาทสมเด็จพระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงเปี่ยมด้วยน้ำพระราชหฤทัยผูกพันรักประชาชน ทรงพระราชปรารภถึงการศึกษาและการเตรียมพระองค์ให้พร้อม ด้วยหวังจะได้เสด็จพระราชดำเนินกลับมาทรงทำนุบำรุงประชาชนของพระองค์โดยไว

     “ปริญญาดอกเตอร์ทางกฎหมายนั้นฉันรู้สึกว่าสำคัญสำหรับฉันมาก รู้บ้างไหมว่าวิทยาลัยไหน เมืองไหนที่ทำดีกรีดอกเตอร์ทางกฎหมายได้เร็วๆ ฉันอยากจะรีบเรียนให้สำเร็จ และจะได้กลับ ฉันเป็นห่วงเมืองไทยนัก

     ...เห็นจะไม่มีวิทยาลัยไหนที่ฉันจะทำปริญญาดอกเตอร์ได้เร็วกว่าที่สวิสส์ อีกปีครึ่งฉันก็จะเสร็จอยู่แล้ว ตกลงฉันจะกลับไปเรียนที่เดิม แล้วฉันจะรีบมาเมืองไทย”

     พระองค์ทรงแสดงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่จะทรงส่งเสริมความสุขความเจริญของบ้านเมืองไทย ดังพระราชดำรัสที่ว่า

     “ข้าพเจ้ามีความคิดถึงท่านอยู่เสมอ จึ่งได้พยายามเล่าเรียนให้ดีที่สุดที่จะทำได้ เพื่อมาอยู่ร่วมกับท่านทุกคนในการส่งเสริมความเจริญของบ้านเมืองเรา ท่านทั้งหลายคงเห็นอยู่ว่าแม้สงครามจะสิ้นสุดไปแล้ว ความทุกข์ยากก็ยังมีอยู่ทั่วไปในโลก ซึ่งรวมถึงบ้านเมืองไทยที่รักของเราด้วย แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้าคนไทยทุกคนถือว่าตนเป็นเจ้าของชาติบ้านเมือง และต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้ว ความทุกข์ยากของบ้านเมืองก็จะผ่านพ้นไปได้ ข้าพเจ้าจึ่งขอร้องให้ท่านทุกคนได้ช่วยกันทำหน้าที่ของตนโดยเข้มแข็ง และขอให้มีความสามัคคีกลมเกลียวกันจริงๆ เพื่อชาติจะได้ดำรงอยู่ในความวัฒนาถาวรสืบไป”
                        

ที่มาข้อมูล : หนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ ๖ เมษายน ๒๕๖๑
สืบสานพระราชปณิธาน “ธรรมราชินี”